บทความ
บทความสั้น: โอกาสและความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อของโรคโคโรนาไวรัส 2019 ในทางทันตกรรม
โรคไวรัสโคโรนา 2019 (corona virus disease 2019) หรือโรคโควิด-19 (COVID-19) จัดเป็นโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (Severe acute respiratory syndrome coronavirus 2: SARS-CoV-2) (1) ที่สามารถถ่ายทอดรหัสพันธุกรรมส่งต่อไปยังสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รวมทั้งในระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ (2) อัตราการวิวัฒนาการของไวรัสโควิด-19 พบว่ามีรหัสพันธุกรรมคล้ายกับค้างคาวถึงร้อยละ 96.2 และรหัสพันธุกรรมมีการทดแทนนิวคลีโอไทด์ประมาณ 10−4 นิวคลีโอไทด์ต่อปี (3) แสดงให้เห็นว่าไวรัสชนิดนี้สามารถกลายพันธุ์ในระหว่างการถ่ายทอดพันธุกรรมและการเพิ่มจำนวน คุณลักษณะของไวรัสโควิด-19 เป็นอาร์เอ็นเอ (Ribonucleic acid – RNA) แบบสายเดี่ยว โครงสร้างสองในสามของไวรัสส่วนใหญ่อยู่ในโครงสร้างโปรตีนที่ห่อหุ้มตัวไวรัสได้แก่ สไปค์ (spike) ไกลโคโปรตีน (glycoprotein) โปรตีนนิวคลีโอแคปซิด (nucleocapsid) และโปรตีนอื่นๆ ห่อหุ้มตัวของไวรัส (4) กลไกที่น่าจะเป็นไปได้สำหรับการถ่ายทอดพันธุกรรมไวรัสโควิด-19 คือ การยึดติดของไวรัสกับเซลล์เจ้าบ้าน (host cell) นอกจากการใช้ระยางค์ของไวรัสในการเกาะติดแล้ว ตัวไวรัสอาศัยโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มจำนวนเซลล์ ในระยะเอส 1 และเอส 2 ซึ่งโปรตีนดังกล่าวทำหน้าที่กระตุ้นโปรตีนและเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการย่อยสลายเยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์เจ้าบ้าน ส่งผลให้เกิดการรวมตัวกันระหว่างเยื่อหุ้มเซลล์ของไวรัสและเซลล์เจ้าบ้าน (5, 6)
ตามที่ได้มีการระบาดจากไวรัสโควิด-19 ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อปลายปี พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา และระบาดเป็นวงกว้างไปทั่วโลก ช่องทางการแพร่กระจายของเชื้อ (Mode of transmission) ได้แก่ การสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง, การติดเชื้อจากละอองฝอย (aerosol)
การศึกษาของ Chan JF และคณะพบว่าการได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 เกิดจากการติดต่อใกล้ชิดกับแหล่งติดเชื้อในตลาด แม้ว่าผู้ป่วยบางรายไม่เคยไปตลาดอู่ฮั่นและพบการติดเชื้อโควิด-19 (7) ทำให้เกิดการศึกษาและมีรายงานว่าการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถติดต่อผ่านระบบทางเดินหายใจ และสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย จากการสืบสวนโรค พบว่า การติดต่อส่วนใหญ่ (ร้อยละ 78-85) เกิดจากการติดต่อกันในผู้ใกล้ชิดหรือคนในครอบครัว การใช้ของร่วมกัน หรือการหายใจร่วมกัน (8, 9)
นอกจากนี้การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 เกิดจากละอองฝอย จากการศึกษาของ van Doremalen พบว่าการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้มีการไอ หรือมีเสมหะ ซึ่งทำให้มีการติดเชื้อกับคนจำนวนมากขึ้น ดังนั้นสาเหตุการติดเชื้อที่เกิดจากละอองฝอย มีความสามารถทนต่อการติดกับพื้นผิวได้นาน (10) การชุมนุมกันในที่แออัดไม่มีการระบายอากาศที่เหมาะสม เป็นเหตุที่สำคัญในแพร่กระจายเชื้อและการติดต่อของโรค (8, 9) ดังนั้นช่วงเวลาฟักตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นใช้เวลาเฉลี่ย 5.1 วัน และผู้ที่ติดเชื้อร้อยละ 97 โดยประมาณ จะแสดงอาการภายในเวลา 14 วัน แต่สิ่งที่สำคัญพบว่าผู้ป่วยสามารถแพร่กระจายเชื้อได้ก่อนมีอาการ 2-3 วัน (เฉลี่ยก่อนอาการ 0.7 วัน) ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ร้อยละ 80 จะป่วยไม่มากและไม่ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่อีกร้อยละ 15 จำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อเพิ่มออกซิเจน และอีกร้อยละ 5 ที่จะมีอาการหนักมาก ต้องเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู (Intensive Care Unit - ICU) (11, 12)
ตามหลักสรีรวิทยาของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ถูกส่งโดยละอองฝอยนั้น ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พบเชื้อได้ในสารคัดหลั่งจากปอด นาโซฟาริงค์ (nasopharynx) ออโรฟาริงค์ (oropharynx) และช่องจมูก รวมถึงน้ำลายในช่องปาก โดยเฉพาะในหัตถการที่มีการฟุ้งกระจายมีโอกาสที่จะทำให้มีการแพร่กระจายเชื้อจากช่องปากหรือน้ำลายไปในอากาศบริเวณรอบ ๆ ที่ให้การรักษาได้ (13, 14) อย่างไรก็ตามยังไม่มีงานวิจัยหรือหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเครื่องกรอที่ใช้ในงานทันตกรรมสามารถทำให้เกิดละอองฝอย และล่องลอยอยู่ในอากาศนาน 3-4 ชั่วโมง จะนำไปสู่การแพร่กระจายของเชื้อ (15) ดังนั้นการติดต่อของโรคไวรัสโคโรนา 2019 จึงเป็นข้อกังวลที่สำคัญที่สุดในคลินิกทันตกรรมและโรงพยาบาล เนื่องจากเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงการสร้างละอองฝอยจำนวนมากผสมกับน้ำลายของผู้ป่วยและแม้กระทั่งเลือดระหว่างการฝึกปฏิบัติทางทันตกรรม (16)
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ของการส่งและรับเชื้อไวรัสโควิด-19 ระหว่างทันตแพทย์และผู้ป่วยในคลินิกทันตกรรม เนื่องจากคลินิกทันตกรรมมีสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสอย่างกว้างขวาง เพราะมีการสัมผัสอย่างใกล้ชิดระหว่างทันตแพทย์และผู้ป่วยในการรักษาทางทันตกรรม
นอกจากนี้สำหรับพื้นผิวและพื้นที่บริเวณต่างๆ ของคลินิกทันตกรรมอาจปนเปื้อนด้วยเชื้อไวรัส โควิด-19 ซึ่งอาจจะเกิดจากละอองฝอย ระหว่างบุคลากรหรือคนไข้ที่มารับบริการที่ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย (mask) หรืออาจจะเกิดจากละอองต่างๆ ที่เกิดจากการทำหัตถการได้ จากการศึกษาก่อนหน้านี้รายงานว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถยึดติดได้ตั้งแต่ 2 ชั่วโมงจนถึง 9 วันในพื้นผิวต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบความชื้นสัมพันธ์ร้อยละ 50 กับ 30 ตามลำดับ (17) ดังนั้นควรมีการทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆและพื้นผิวในคลินิกทันตกรรมให้คงอยู่สภาพที่แห้ง รวมถึงให้มีการระบายอากาศในคลินิกทันตกรรมเพื่อเป็นการลดการคงอยู่ของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในพื้นผิวต่างๆ อย่างไรก็ตามยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่าการรักษาทางทันตกรรมมีส่วนทำให้ เชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่กระจาย เป็นเพียงการแพร่เชื้อที่เป็นไปได้ ดังนั้นทันตบุคลากรควรจะตระหนักถึงการส่งต่อเชื้อโรค พยาธิวิทยาการเกิดโรคและการป้องกันโรคไวรัสโคโรนา 2019 (18)
ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อหรือการแพร่กระจายเชื้อ มีคำแนะนำให้อยู่ห่างกันอย่างน้อย 3 ฟุต หรือ 1 เมตร (Social distancing) ตามระยะทางของการพ่นกระจายของละอองฝอยจากผู้ป่วย ขจัดโอกาสสัมผัสละอองเสมหะหรือสารคัดหลั่งจากมือ และนำสัมผัสสู่ปาก จมูกและตา ด้วยการล้างมือบ่อย ๆ และใส่หน้ากากอนามัยเพื่อปิดปากและจมูก นอกจากนี้ให้หลีกเลี่ยงการพบปะ คลุกคลีกับผู้ที่มาจากแหล่งที่มีการระบาดหรือแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลของทันตแพทย์ ผู้ช่วยทันตแพทย์และ ทันตบุคลากร ตลอดจนการทำความสะอาดฆ่าเชื้อบนพื้นผิวต่างๆ จะช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อจากการฟุ้งกระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้