บทความ
การแพ้ยากลุ่ม Nonsteroidal anti-inflammatory drugs
ในชีวิตการทำงานของทันตแพทย์ไม่มีใครที่ไม่รู้จักยากลุ่ม Nonsteroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs) ซึ่งเป็นยาระงับปวดที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย รวมทั้งการระงับอาการปวดจากฟัน หรือภายหลังการรักษาทางทันตกรรมจำนวนมาก ทันตแพทย์น่าจะเคยเจอผู้ป่วยที่ให้ประวัติการแพ้ยา NSAIDs บางตัว ยกตัวอย่างประวัติที่ได้จากผู้ป่วย ได้แก่
- ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นโรคหืด (asthma) มีริดสีดวงจมูก (nasal polyp) แพ้ยา paracetamol, ibuprofen, mefenamic acid, tramadol
- ผู้ป่วยที่ให้ประวัติแพ้ยา ibuprofen, naproxen แต่เคยทาน diclofenac แล้วไม่มีอาการแพ้
- ผู้ป่วยให้ประวัติว่าแพ้ยาทุกตัวกลุ่ม NSAIDs ห้ามใช้ยากลุ่มนี้เด็ดขาด
เมื่อพบผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ยากลุ่ม NSAIDs มากมายแบบนี้ เราคงมีคำถามในใจว่า ถ้าเราจะสั่งยาระงับปวดจะเลือกใช้ยาตัวไหนดี หรือถ้าปวดไม่มาก พอจะให้ผู้ป่วยอดทนกับอาการปวดไปได้หรือไม่เนื่องจากจะใช้ยาก็เสี่ยงที่จะเกิดการแพ้ยาได้ ลองอ่านบทความนี้กันดูนะครับ
ปฏิกิริยาการแพ้ยากลุ่ม NSAIDs พบได้บ่อยเป็นอันดับสองรองจากยาปฏิชีวนะกลุ่ม beta lactam เช่น penicillin ซึ่งปฏิกิริยาการแพ้ยากลุ่ม NSAIDs แบ่งเป็น 5 กลุ่ม แต่เราสามารถแบ่งอย่างง่ายเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
- การแพ้ชนิดที่ไม่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Nonimmunologically mediated [cross-reactive] hypersensitivity reactions to NSAIDs)1, 2 หรือมีชื่อในสมัยก่อนว่า “pseudoallergy” เป็นปฏิกิริยาการแพ้ที่เกิดจากฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ cyclooxygenase-1 [COX-1] ซึ่งเป็นผลทำให้ปริมาณ prostaglandin ลดลง ส่งผลให้มีการปลดปล่อย mediator จาก mast cell และ eosinophil รวมทั้งมีปริมาณ leukotriene เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดอาการเหมือนกับปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันไวเกินชนิดที่ 1 เช่น ผื่นลมพิษ (urticaria), angioedema, bronchial constriction, dyspnea, nasal congestion, rhinorrhea, anaphylaxis การแพ้ชนิดนี้อาจมีความเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยโรคหืด หรือโรคลมพิษเรื้อรัง (chronic urticaria) ได้
- การแพ้ชนิดที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Immunologically mediated [non-cross-reactive] hypersensitivity reactions to NSAIDs) 1, 2 หรือ “true allergy” เกิดจากปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันไวเกินซึ่งมักจะเป็นชนิดที่ 1 หรือ 4 เกิดจากการกระตุ้นกลไกระบบภูมิคุ้มกันผ่าน IgE หรือ T-cell ขึ้นอยู่กับชนิดของปฏิกิริยา
สังเกตว่าการแพ้แบบ pseudoallergy เกิดจากการยับยั้ง COX-1 ซึ่งจริงๆ อาจจะมองว่าเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยากลุ่ม NSAIDs ก็ได้ เพียงแต่มีอาการและอาการแสดงเหมือนการแพ้ยาเนื่องจากมีการกระตุ้นผ่าน mediator ชนิดเดียวกันกับ mediator ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันไวเกินชนิดที่ 1 ดังนั้นถ้าผู้ป่วยแพ้ยา NSAIDs แบบนี้ ผู้ป่วยจะแพ้ยากลุ่ม NSAIDs ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของ COX-1 มากทั้งหมด1, 2 ส่วนผู้ป่วยที่แพ้ยาแบบ true allergy จะเกิดปฏิกิริยาการแพ้จากสูตรโครงสร้างของยา ดังนั้นผู้ป่วยจึงแพ้ยา NSAIDs เฉพาะในกลุ่มโครงสร้างเดียวกันทั้งหมด1, 2 แต่สามารถใช้ยา NSAIDs ที่มีโครงสร้างกลุ่มอื่นได้
ดังนั้นผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ยา NSAIDs จึงสามารถใช้ยาในกลุ่มนี้ได้อยู่ คำถามต่อมา คือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ป่วยแพ้ยา NSAIDs แบบไหน เพราะมีวิธีการเลือกใช้ยาที่ไม่เหมือนกัน วิธีที่ดีที่สุด คือ การส่งผู้ป่วยไปพบอายุรแพทย์เฉพาะทางด้านโรคภูมิแพ้เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยที่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่ในทางปฏิบัติมักจะไม่ได้ทำเช่นนี้ แต่ใช้วิธีการประเมินจากประวัติผู้ป่วย โดยผู้ป่วยที่แพ้ยา NSAIDs ในกลุ่มโครงสร้างเดียวกันแต่ไม่แพ้ยาในกลุ่มโครงสร้างอื่น แสดงว่าน่าจะเป็นการแพ้แบบ true allergy แต่ถ้าแพ้ยาหลายกลุ่มโครงสร้างซึ่งบางครั้งจะพบว่าผู้ป่วยมีประวัติแพ้ยา paracetamol หรือมีโรคหืด โรคริดสีดวงจมูก โรคลมพิษเรื้อรังร่วมด้วย แสดงว่าน่าจะเป็นกลุ่ม pseudoallergy มากกว่า ซึ่งทำให้เราต้องทราบการจัดแบ่งยากลุ่ม NSAIDs ตามสูตรโครงสร้าง ได้แก่ 2
- Para-aminophenol ได้แก่ acetaminophen หรือ paracetamol
- Salicyclic acid derivatives เช่น aspirin, diflunisal
- Propionic acid derivatives เช่น ibuprofen, naproxen, ketoprofen
- Acetic acid derivatives เช่น diclofenac, ketorolac, indomethacin
- Enolic acid derivatives เช่น piroxicam, meloxicam, tenoxicam, phenylbutazone
- Fenamic acid derivatives เช่น mefenamic acid
- Selective COX-2 inhibitors เช่น celecoxib, etoricoxib, parecoxib
หากพบว่าผู้ป่วยแพ้ยา NSAIDs แบบ pseudoallergy ก็มีทางเลือกในการสั่งจ่ายยาระงับปวด1, 2, 3 ได้แก่ paracetamol (ขนาดยาไม่เกิน 650 มิลลิกรัมต่อครั้ง), meloxicam ที่มีฤทธิ์ต่อ COX-1 ต่ำ, selective COX-2 inhibitor เช่น celecoxib, etoricoxib หรือจะใช้ยาระงับปวดกลุ่ม weak opioid เช่น tramadol ก็ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทันตแพทย์ตามความเหมาะสม
ในทางปฏิบัติส่วนตัวบางครั้งมักจะถามผู้ป่วยตรงๆ เลยว่าแพ้ยาแก้ปวดหลายตัวขนาดนี้แล้วโดยปกติถ้ามีอาการปวดจะรับประทานยาตัวใด ก็มักจะได้คำตอบที่หลากหลาย เช่น ได้ชื่อยาที่ผู้ป่วยใช้ประจำเราก็สามารถจ่ายยาที่ผู้ป่วยใช้ทานเป็นประจำได้ บางครั้งได้คำตอบว่า meloxicam หรือ celecoxib ก็แสดงว่าน่าจะเป็นการแพ้แบบ pseudoallergy หรือบางครั้งก็ได้คำตอบว่าใช้วิธีอดทนต่ออาการเจ็บปวดแทน
นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่มีประวัติการแพ้ยาในกลุ่ม sulfonamide เช่น bactrim® (sulfamethoxazole & trimethoprim) ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยา celecoxib และ parecoxib
ลองมาดูตัวอย่างการจัดการผู้ป่วยกันนะครับ
- ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นโรคหืด มีริดสีดวงจมูก แพ้ยา paracetamol, ibuprofen, mefenamic acid, tramadol พิจารณาแล้วน่าจะมีการแพ้ยากลุ่ม NSAIDs แบบ pseudoallergy สามารถใช้ยาระงับปวด meloxicam, celecoxib, etoricoxib ได้ดังกล่าวข้างต้น ส่วนการแพ้ยา tramadol เมื่อซักประวัติเพิ่มจะพบว่ามีอาการคลื้นไส้อาเจียนมาก ซึ่งก็เป็นผลข้างเคียงจากยาเช่นกัน
- ผู้ป่วยให้ประวัติแพ้ยา ibuprofen และ naproxen แต่เคยทาน diclofenac แล้วไม่มีอาการแพ้ แสดงว่าน่าจะแพ้ยาแบบ true allergy จะใช้ยา diclofenac หรือยาที่กลุ่มโครงสร้างอื่นนอกจาก propionic acid derivatives ก็ได้
- ผู้ป่วยให้ประวัติว่าแพ้ยาทุกตัวกลุ่ม NSAIDs ห้ามใช้ยากลุ่มนี้เด็ดขาด เมื่อซักประวัติเพิ่ม ผู้ป่วยแพ้ยา ibuprofen และ diclofenac ได้รับคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงยาในกลุ่ม NSAIDs ทุกตัว ซึ่งน่าจะเป็นการแพ้แบบ pseudoallergy เช่นกัน
- ผู้ป่วยให้ประวัติเกิด anaphylaxis จาก ibuprofen โดยไม่เคยใช้ยากลุ่ม NSAIDs อื่นๆ เลย กรณีแบบนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นการแพ้แบบ pseudoallergy หรือ true allergy ส่วนตัวจะไม่แนะนำให้ลองใช้ยากลุ่ม NSAIDs ที่ inhibit COX-1 อีก เนื่องจากมีความเสี่ยงในการเกิด anaphylaxis ซึ่งอาจมีอันตรายถึงชีวิต
บทความนี้เป็นเพียงความรู้เกี่ยวกับการแพ้ยากลุ่ม NSAIDs เท่านั้น การพิจารณาการใช้ยาระงับปวดในผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ยากลุ่ม NSAIDs ควรคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน เช่น ความจำเป็น ความเสี่ยงในการใช้ยา ผลข้างเคียงอื่นๆ ของยากลุ่ม NSAIDs และควรอธิบายให้ผู้ป่วยรับทราบก่อน รวมทั้งติดตามการเกิดปฏิกิริยาการแพ้ยาของผู้ป่วยด้วย