บทความ
การเงินการคลังสุขภาพ
เป็นการศึกษาเกี่ยวกับ
- ) การหารายได้ (การภาษีอากรและงบประมาณ)
- ) การใช้จ่าย (การก่อหนี้)
- ) กิจกรรม/บริการที่ควรจัดให้มี
- ) บทบาท/ความรับผิดชอบของแต่ละภาคส่วนในแต่ละระดับ (เช่น ประเทศ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน ครัวเรือน และบุคคล)
- ) ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประชาชน สังคม และประเทศ
ข้อมูลการเงินการคลังใช้ในการวิเคราะห์
- ) ความไม่เป็นธรรม (inequity) ซึ่งมักเป็นปัญหาหลักในประเทศกาลังพัฒนา โดยพิจารณาจากสัดส่วนเงินที่บุคคลและครอบครัวจ่ายเทียบกับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพโดยรวมของประเทศ (% total health expenditure) หากมีค่ามากแสดงว่าประชาชนรับผิดชอบตัวเอง และให้ภาพได้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อคานวณสัดส่วนแยกตามระดับรายได้ของบุคคลหรือครัวเรือน และ
- ) บทบาทรับผิดชอบของรัฐบาลในด้านสังคม (social responsibility) พิจารณาจากสัดส่วนงบประมาณด้านสุขภาพเทียบกับงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด (% total budget) หรือเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (% GDP) โดยทั่วไปประเทศกาลังพัฒนามักมีสัดส่วนงบประมาณในด้านสุขภาพน้อยกว่างบประมาณป้องกันประเทศ และน้อยกว่าประเทศพัฒนา
การเงินการคลังสุขภาพรวมทั้งสุขภาพช่องปาก
มี 3 องค์ประกอบคือ กลไกสนับสนุนทางการเงิน การเฉลี่ยความเสี่ยงทางการเงิน และการซื้อบริการ 1
- ) กลไกสนับสนุนทางการเงินของระบบสุขภาพไทยมี 5 แหล่งดังนี้
- ภาษีทั่วไป (general tax) เป็นแหล่งเงินทุนหลักของงบประมาณที่ส่งผ่านสานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า) และกระทรวงการคลัง (ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ) รวมทั้งงบประมาณที่ส่งมายังกระทรวงสาธารณสุขเป็นการเฉพาะ
- บังคับโดยกฎหมายในรูปแบบการทาประกัน จ่ายเงินสมทบ หรือภาษีเฉพาะ ได้แก่ กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย (พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ 2535, 2536, 2540, 2550, 2551) กองทุนเงินทดแทน (พระราชบัญญัติเงินทดแทน 2537) กองทุนประกันสังคม (พระราชบัญญัติประกันสังคม 2533, 2542 และ 2558) และกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (พระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ 2544)
- ประกันสุขภาพแบบสมัครใจ (voluntary insurance) อาจเป็นประกันภาครัฐหรือเอกชน ในปัจจุบัน ประเทศไทยไม่มีการประกันสุขภาพภาครัฐแบบสมัครใจแล้ว
- การบริจาค (charity donation) จากต่างประเทศหรือในประเทศ อาจอยู่ในรูปเงิน ที่ดิน หรือสิ่งของเพื่อจัดบริการแก่ประชาชนหรือบริจาคเป็นบริการโดยตรง เช่น โรงพยาบาลเอกชนจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่โดยไม่คิดมูลค่า การบริจาคอาจมาจากภาคเอกชน มูลนิธิ หรือประชาชน การที่ประชาชนยินดีบริจาคสะท้อนถึงการยอมรับจากชุมชนได้ในระดับหนึ่ง อาจเพราะสถานบริการให้บริการมีคุณภาพ หรือสามารถเป็นที่พึ่งพาได้ในด้านสุขภาพ
- บุคคลและครอบครัว (individual and family) บุคคลและครอบครัวเป็นแหล่งการเงินแหล่งใหญ่ของระบบบริการ อาจเพราะไม่มีหลักประกันสุขภาพ หรือมีแต่ยอมเสียค่าบริการเอง (out of pocket) หรือร่วมจ่ายค่าบริการบางส่วน (copayment) หรือเป็นเพราะสินค้า/บริการนั้นไม่อยู่ในสิทธิประโยชน์ รวมถึงค่ายาที่ซื้อกินเองและค่าวัสดุอุปกรณ์สุขภาพในการดูแลตัวเองเช่น แปรงและยาสีฟัน
- การเฉลี่ยความเสี่ยงทางการเงิน (risk pooling) มีหลักการคือ จ่ายก่อนเจ็บป่วย อาจผ่านระบบภาษีหรือมีกฎหมายบังคับให้ทาประกันเพื่อป้องกันการเลือกที่ไม่เป็นธรรม (adverse selection) หรือเฉลี่ยการจ่ายเงินตามความจาเป็นด้านสุขภาพโดยร่วมจ่ายบางส่วนเมื่อใช้บริการ (Co-payment or Cost-sharing)
- การซื้อบริการ (purchasing) มี 3 รูปแบบคือ รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้สถานพยาบาลในสังกัดจัดบริการ ตั้งองค์กรหรือกองทุนขึ้นมาเพื่อทาหน้าที่ซื้อบริการ (purchaser-provider split) และบุคคลที่ใช้บริการจ่ายค่าบริการเอง
- เพื่อความยั่งยืนของระบบสุขภาพภาครัฐ ประเทศไทยใช้หลักการ การคลังรวมหมู่ (collective financing) คือ ให้ความสาคัญกับการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกัน/ควบคุมโรค และการจัดการปัจจัยที่คุกคามสุขภาพ การคลังรวมหมู่มีเป้าหมาย 2 ประการคือ
- ลดสัดส่วนรายจ่ายที่ประชาชนต้องจ่ายค่าบริการเอง
- ลดจานวนครัวเรือนที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจจากค่าบริการ
โดยรัฐบาลสร้างหลักประกันหรือสวัสดิการด้านสุขภาพเพื่อคุ้มครองประชาขนโดยระดมเงินจากแหล่งต่างๆ และจัดสรรเงินไปยังบริการประเภทต่างๆ อย่างเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพเพื่อการบรรลุเป้าหมายของระบบสุขภาพ บทบาทภาครัฐและเอกชนในการจัดบริการและการคลังสุขภาพแสดงดังภาพ 1
ภาพ 1 บทบาทภาครัฐและเอกชนในการจัดบริการและการคลังสุขภาพ
1 WHO. Where are we now? In The world health report: Health systems financing: the path to universal coverage. 2010.